
นักวิชาการระดับ7
ร้องเครือข่ายสื่อฯถูกตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างไม่เป็นธรรม!
เมื่อวันที่2พ.ค62เวลา18.00น. น.ส.กรรณิการ์ ชัชธรานนท์ อายุ38ปี ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ระดับ7กองบริการสารสนเทศ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งได้นำเอกสารต่างๆเข้ายื่นร้องเรียนกับนายคฑาภณ สนธิจิตร ประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตประพฤติมิชอบแห่งชาติ ขอให้ช่วยตรวจสอบผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง-วินัยร้ายแรงอย่างไม่เป็นธรรมกับตนซึ่งตนได้ยื่นเอกสารต่างๆให้กับคณะกรรมการสอบสวนฯอย่างครบถ้วนทุกอย่างแต่ก็ไม่ได้รับพิจารณาจากคณะกรรมการสอบสวนฯแต่อย่างใด
โดยผู้ร้องเรียนได้กล่าวว่าตนได้ปฏิบัติงานอยู่ที่รัฐวิสาหกิจแห่งนี้มาประมาณ12ปีและได้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานฯโดยเมื่อวันที่8มิถุนายน2560ผู้ร้องเรียนได้รับหนังสือขอตัวจากสหภาพฯให้ไปช่วยงานในการจัดแข่งขันกีฬาเปตองสัมพันธ์เป็นเวลา1เดือนซึ่งสหภาพแรงงานฯแห่งนั้นก็ได้ทำหนังสือขอตัวผู้ร้องเรียนจากผู้บริหารระดับสูงของต้นสังกัดที่ผู้ร้องเรียนปฎิบัติหน้าที่อยู่อย่างถูกต้องและมีลายเซ็นอนุญาติอย่างถูกต้องครบถ้วนทุกอย่างและการจัดแข่งขันกีฬาเปตองก็ผ่านพ้นไปด้วยดีแต่แล้วเมื่อวันที่12ม.ค.61ผู้ร้องเรียนกับได้รับหนังสือแต่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัย(ไม่ร้ายแรง) จากต้นสังกัดที่ตนปฎิบัติงานอยู่โดยกล่าวหาว่าตนแอบอ้างว่าสหภาพฯขอตัวไปปฏิบัติหน้าที่ทั้งๆที่มีหนังสือขอตัวผู้ร้องเรียนจากสหภาพฯและมีหนังสืออนุญาติจากผู้บริหารชั้นสูงจากต้นสังกัดอย่างถูกต้องเรียบร้อยให้ไปปฏิบัติหน้าที่ให้แก่สหภาพฯแห่งนั้นได้แต่ทำไม่ถึงถูกต้นสังกัดที่ปฏิบัติงานอยู่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย(ไม่ร้ายแรง)ได้อย่างไรหลังจากนั้นเมื่อวันที่22มีนาคม.61
ผู้ร้องเรียนได้รับหนังสือแจ้งให้เข้าพบคณะกรรมการสอบสวนวินัย(ไม่ร้ายแรง)เพื่อรับทราบสิทธิและทราบข้อกล่าวหาในวันที่3เมษายน61
และต่อมาวันที่31มีนาคม61ผู้ร้องเรียนก็ได้รับหนังสือจากคณะกรรมการสอบสวนฯข้อเลื่อนการสอบสวนจาก3เมษายน61มาเป็นวันที่4เมษายน61ซึ่งผู้ร้องเรียนได้เข้าพบคณะกรรมการสอบสวนฯโดยคณะกรรมการสอบสวนฯได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ตนทราบและนัดให้ผู้เสียหายมาพบกับคณะกรรมการสอบสวนฯเพื่อทำการสอบสวนฯในวันที่17ธันวาคม61โดยในวันนั้นผู้ร้องเรียนได้เดินทางมาพบคณะกรรมการสอบสวนฯโดยพาบิดาและมารดามาด้วยเพื่อให้มาเป็นพยานต่อมาก็ได้รับแจ้งจากประธานการสอบสวนฯขอเลื่อนการสอบสวนครั้งนี้ออกไปก่อนโดยมิได้แจ้งสาเหตุในการเลื่อนสอบในครั้งนี้แต่อย่างใดแต่แล้วเมื่อวันที่8ต.ค.62ผู้เสียหายกับได้รับหนังสือจากคณะกรรมการสอบสวนวินัยคราวนี้กับโดนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนผิดวินัยอย่างร้ายแรงในข้อหาขาดงานเกินกำหนดเวลา ซึ่งผู้ร้องเรียนได้มารับทราบขอกล่าวหาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่25ต.ค.62
โดยผู้ร้องเรียนได้กล่าวว่าในช่วงเวลาที่ถูกกล่าวหาอยู่นั้นเป็นช่วงเวลาที่ผู้ร้องเรียนได้ไปปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่สหภาพแรงงานฯซึ่งไม่ได้ปฎิบัติหน้าที่ให้กับต้นสังกัดและคณะกรรมการจากสหภาพแรงงานฯก็ได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการสอบวินัย(ไม่ร้ายแรง)ผู้ร้องเรียนได้ขอให้คณะกรรมการจากสหภาพแรงงานฯเป็นผู้รายงานข้อเท็จจริงให้แก่คณะกรรมการสอบสวนวินัย(ไม่ร้ายแรง)ได้รับทราบความจริงแต่คณะกรรมการจากสหภาพแรงงานฯกับไม่รายงานข้อเท็จจริงแต่อย่างใดให้คณะกรรมการสอบสวนฯทราบโดยผู้ร้องเรียนได้กล่าวว่าหลังจากตนโดนตั้งคณะกรรมการสอบสวนทั้งวินัย(ไม่ร้ายแรง)และวินัยร้ายแรงผู้ร้องเรียนได้นำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนยังหน่วยงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นประธานคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์,อธิบดีกรมสวัสดิภาพและคุ้มครองแรงงาน,ผู้บริหารงานระดับสูงในสังกัดที่ผู้ร้องเรียนปฎิบัติงานอยู่หรือแม้แต่บอร์ดบริหารหน่วยงานแห่งนี้มาแล้วแต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใดซึ่งผู้ร้องเรียนมั่นใจด้วยเอกสารหลักฐานต่างๆที่ตนมีอยู่ครบสมบูรณ์ทุกอย่างแต่ผู้ใหญ่กับไม่ดูอะไรเลยจะเอาให้ตนต้องออกจากงานเลยหรือทั้งๆที่ตนไม่มีความผิดอะไร ผลการสอบสวนวินัย(ไม่ร้ายแรง)ก็ยังไม่ออกมาแต่กับมาตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับตนอีก
ทางด้าน นายคฑาภณ สนธิจิตร ประธานเครือข่ายสื่อฯได้กล่าวว่าหลังจากดูหลักฐานและร่วมพูดคุยกับผู้ร้องเรียนร่วมกับนายธานินท์ ณ นครฝ่ายกฎหมายเครือข่ายฯแล้วรู้สึกสงสารผู้ที่ถูกร้องเรียนเพราะเอกสารต่างๆที่ผู้ร้องเรียนนำมาแสดงในวันนี้ครบถ้วนทุกอย่างแต่ทำไม่คณะกรรมการสอบสวนวินัย(ไม่ร้ายแรง)และวินัยร้ายแรงไม่ดูเอกสารใดๆเลยและระยะเวลาที่คณะกรรมการสอบสวนวินัย(ไม่ร้ายแรง)ก็หมดลงแล้วแสดงว่าผู้ร้องเรียนไม่มีความผิดแต่คณะกรรมการก็พยามจะให้ผู้เสียหายทำผิดจนได้ จึงหาข้อกล่าวหามาใหม่ว่าผู้เสียหายขาดงานเกินเวลาและที่ทราบมาว่ารายงานสรุปเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ธุรการที่รับผิดชอบเกี่ยวกับสรุปการทำงานของพนักงานต่างๆไม่ได้ลงสาเหตุที่ผู้ร้องเรียนขาดงานไป
หลังจากนี้ทางผู้บริหารเครือข่ายสื่อฯจะทำหนังสือและเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนเรื่องนี้กับผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งนี้เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนว่าสาเหตุที่ผู้ร้องเรียนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทั้งวินัย(ไม่ร้ายแรง)และวินัยร้ายแรงที่ตั้งขึ้นมาสอบสวนผู้ร้องเรียนดำเนินการสอบสวนถึงไหนแล้วและให้ความเป็นธรรมกับผู้ร้องเรียนหรือไม่ถ้าทางผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ยังไม่มีคำตอบใดๆออกมาทางเครือข่ายสื่อฯก็จะนำเรืองนี้ไปร้องเรียนกับรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีช่วยฯที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ต่อไป
