ข่าวเด่นนิวส์สยามออนไลน์##พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ ประจำสัปดาห์ในวันศุกร์ที่ 14 ก.พ.63 เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุมมหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู)

0
597

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ ประจำสัปดาห์ในวันศุกร์ที่ 14 ก.พ.63 เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุมมหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู)

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม 3 และ พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 4 คดี ดังนี้

คดีที่ 1. ทำเนียนแต่ไม่รอด ตม.จว.หนองคาย รวบขบวนการนำรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน : ตม.จว.หนองคาย บก.ตม.4 และศุลกากรหนองคายร่วมกันจับกุมขบวนการนำรถยนต์ออกไปขายยังต่างประเทศ ข้อหา ร่วมกันส่งของออกไปนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัด หรือข้อห้ามอื่นเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2560 และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา
โดยผู้ต้องหาจำนวน 6 คน ประกอบด้วย (1) นายกำจัดฯ (2) ว่าที่ร้อยตรีพีรพัฒน์ฯ (3) นายณัฐกฤชฯ (4) นายนิธิศปพนฯ (5) ว่าที่ร้อยตรีหาญชัยฯ (6) นายสุรินทร์ฯ ของกลางประกอบด้วย รถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ 1 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล โตโยต้า วีออส 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง

จากการสืบสวนหาข่าวขบวนการลักลอบนำออกรถยนต์เพื่อขายยังประเทศเพื่อนบ้าน และได้รับแจ้งจากสายลับทราบว่าจะมีกลุ่มบุคคลทำเป็นขบวนการลักลอบนำรถยนต์ไทยที่ผ่านพิธีการตรวจอนุญาตของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการทางศุลกากรในการนำรถยนต์ออกไปนอกราชอาณาจักร ทำเอกสารใบขนสินค้าพิเศษถูกต้อง แต่จะไม่มีการนำรถยนต์กลับเข้ามา จึงกำชับให้ จนท.ตม.ประจำช่องตรวจพาหนะเพิ่มความละเอียดในการตรวจเอกสาร ในวันเกิดเหตุผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ได้มายื่นเอกสารการเดินทางและรายการเกี่ยวกับพาหนะเพื่อให้ จนท.ตม.ทำการตรวจอนุญาตเดินทางเข้า เมื่อ จนท.ตม.ตรวจข้อมูลในระบบ BIOMETRICS พบว่าในการเดินทางออกนั้นได้ขออนุญาตนำรถยนต์จำนวน 6 คันออกไป แต่ขณะเดินทางกลับมีรถยนต์เพียง 2 คันนำกลับเข้ามา จึงได้ร่วมกับด่านศุลกากรหนองคายตรวจสอบข้อมูลในระบบของศุลกากร ก็พบว่า รถยนต์ทั้ง 6 คันได้ผ่านพิธีการทางศุลกากรเพื่อนำรถยนต์ออก โดยทำเอกสารใบขนสินค้าพิเศษถูกต้องแล้วนำออกต่างวันกัน แต่พฤติการณ์ในวันที่ถูกจับกุม กลุ่มผู้ต้องหาได้เดินทางกลับเข้ามาในวันเดียวกัน โดยสารมากับรถยนต์ 2 คันเท่านั้น และมายื่นเอกสารขอตัดบัญชีนำกลับเข้ามา ส่วนรถยนต์อีก 4 คันนำเฉพาะเอกสารมายื่นเพื่อขอตัดบัญชีนำกลับเข้ามา โดยผู้ต้องหาที่ 1 – 3 นำเอกสารรถยนต์ 4 คัน ที่ไม่ได้นำกลับเข้ามา มายื่นเพื่อขอตัดบัญชีนำกลับเข้ามา มีผู้ต้องหาที่ 5 – 6 เป็นผู้ขับรถยนต์ของกลาง 2 คัน (ซึ่งเป็น 2 ในจำนวน 6 คันที่นำออกไป) มายื่นเอกสาร

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 6 คน มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน โดยบุคคลหนึ่งแจ้งนำรถยนต์ออกหรือเป็นเจ้าของรถยนต์แต่มอบอำนาจให้อีกบุคคลหนึ่งนำรถยนต์ออกหรือนำรถยนต์กลับเข้ามา การมอบอำนาจสลับกันทำให้มีเอกสารที่ต้องตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญกลุ่มผู้ต้องหาพยายามนำเอกสารทั้งหมดมายื่นช่วงเช้า เพื่ออาศัยจังหวะช่วงเวลาที่มีรถยนต์และนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออกจำนวนมาก เพื่อหวังให้ จนท.สับสน สอบถามผู้ต้องหาทั้ง 6 คนยอมรับว่ารถยนต์อีก 4 คันที่ไม่ได้ นำกลับมาได้ขายที่ สปป.ลาวไปแล้ว จึงร่วมกันจับกุมตัวส่ง พงส.สภ.เมืองหนองคาย ดำเนินคดีต่อไป

คดีที่ 2. BIOMETRICS เจ๋ง รวบสองผัวเมียหนีคดี 8 หมายจับ ยักยอกทรัพย์เสียหายร่วม 10 ล้าน :
ตม.จว.สุรินทร์ บก.ตม.4 จับกุมนายปริญญาฯ และ น.ส.จันทนาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเทิง และศาลแขวงเชียงราย ข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534

โดย ตม.จว.สุรินทร์ ได้รับการประสานจากนายประกันของผู้ต้องหาว่า น.ส.จันทนาฯ ได้เดินทางมาในพื้นที่ จ.สุรินทร์ เกรงว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ ตม.จว.สุรินทร์จึงได้จัดชุดออกสืบสวนจับกุม โดยเน้น ช่องทางเข้า-ออกตามแนวชายแดน ขณะเฝ้าสังเกตบริเวณหน้าทางเข้าจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พบผู้ต้องหาทั้งสองคนมีรูปพรรณสัณฐานตรงตามที่ได้รับข้อมูล จึงขอตรวจสอบเอกสารโดยใช้เทคโนโลยีระบบตรวจอัตลักษณ์บุคคล(BIOMETRICS) ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นบุคคลตามหมายจับ คดียักยอกทรัพย์และคดีเช็ครวมกันจำนวนถึง 8 หมายจับ มูลค่าความเสียหายร่วม 10 ล้านบาท จึงได้ทำการจับกุมตัวส่ง พงส.สภ.เชียงของ ดำเนินคดีต่อไป

คดีที่ 3. “จิงโจ้หลบกบดานศรีสะเกษ จนมุมรถไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ ข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (356 วัน)”
: ตม.จว.ศรีสะเกษ บก.ตม.4 จับกุม MR.DANIEL อายุ 63 ปี สัญชาติออสเตรเลีย ข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (356 วัน)

ก่อนการจับกุม ชุดสืบสวน ตม.จว.ศรีสะเกษ ออกสืบสวนหาข่าวและประชาสัมพันธ์การแจ้งที่พักอาศัยตาม ม.38 โดยใช้รถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ (Smart Patrol Car) อย่างต่อเนื่อง และได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเคยเห็นชาวต่างชาติลักษณะเป็นชาวตะวันตก อยู่ในพื้นที่ ต.ขนุน อ.กันทรลักษ์ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าพักอยู่ ณ ที่ใด จนกระทั่งในวันเวลาเกิดเหตุ พบ MR.DANIEL (ทราบภายหลัง) กำลังเดินอยู่ริมถนนทางเข้าบ้านนาทราย ต.ขนุน อ.กันทรลักษ์ จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบรอยตราประทับระบุเคยขออยู่ต่อในราชอาณาจักร เมื่อค้นข้อมูลในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง ในรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะพบว่า MR.DANIEL อยู่เกินกำหนดอนุญาตมาตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.62 รวมเวลาอยู่เกินจำนวน 356 วัน ซึ่ง MR.DANIEL ได้ให้การยอมรับว่าตัวเองอยู่เกินกำหนดอนุญาตมานานแล้ว ได้หลบอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทเรื่อยมา และพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในแหล่งชุมชน หรือเขตพื้นที่เมืองใหญ่มาโดยตลอด จึงจับกุมตัวส่ง พงส.สภ.กันทรลักษ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 4. รวบหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติพกปืน อ้างไว้ป้องกันตัว” :
สืบตม.3+ตม.ชลบุรี บก.ตม.3 จับกุมชายชาวต่างชาติพกพาอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน โดยอ้างว่า ไว้เพื่อป้องกันตัว ดังนี้

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เข้าตรวจสอบกรณีชาวต่างชาติพกพาอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน ในพื้นที่อำเภอเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งอ้างว่ามีไว้เพื่อป้องกันตัว ภายในบริเวณที่จอดรถ City Garden Pattaya Condominium ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จากกรณีดังกล่าวได้ทำการจับกุมตัวชายชาวต่างชาติ จำนวน 1 ราย ชื่อ นายจอห์น(นามสมมุติ) อายุ 43 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืน รีวอลเวอร์ ขนาด .22 ยี่ห้อนอร์ท อเมริกัน อาร์ม จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 5 นัด พร้อมซองปืนพกในที่กระเป๋ากางเกงด้านซ้าย ต่อมาได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยาที่ 10/2563 แสดงเพื่อทำการตรวจค้นบ้านบนถนนจอมเทียนสายหนึ่ง ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ที่เป็นที่พักของชายชาวต่างชาติดังกล่าว จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มิลลิเมตร ยี่ห้อ Tanfoglio จำนวน 1 กระบอก โดยผู้ครอบครองเป็นภรรยาชาวไทยของชายชาวต่างชาติ ซึ่งมีใบอนุญาตครอบครองถูกต้องตามกฏหมาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาชายชาวต่างชาติ ว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุอันควร” และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ธวัชชัย เฟื่องอนันต์​ ภาพ/ข่าว

เสริม ศักดิ์สม รายงาน

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here