
ศปอส.ตร.จับ!หลอกขายหน้ากากอนามัย

วันที่ 6 พ.ค. 2563 เวลา 14:00 น. : พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ขส.บช.ปส. และเจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนชุดที่ 2 แถลงข่าวจับกุมตัว นายพงษ์พันธ์ อานามวงษ์ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน พล.ต.ต.พันธนะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ได้มีกลุ่มผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงขายหน้ากากอนามัย เข้าร้องเรียน ศปอส.ตร. จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มผู้เสียหายได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัย ผ่านการโฆษณาขายหน้ากากอนามัยในเพจสาธารณะต่างๆ
โดยใช้เฟสบุ๊คหลายบัญชี เจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวน (ศปอส.ตร.) ร่วมกับ สน.ห้วยขวาง สืบสวนสอบสวน ทราบว่า นายพงษ์พันธ์ อานามวงษ์ ได้ใช้บัญชีเฟสบุ๊ค ใช้ชื่อรูปภาพ แสดงตนเป็นบุคคลอื่น เสนอขายหน้ากากอนามัย ใช้รูปภาพของหน้ากาก
อนามัย ยี่ห้อ N95 1870 พลัส ในราคาชิ้นละ 140 บาท/กล่องละ 2,800 บาท จำนวน 4 กล่องละ 20 ชิ้น เมื่อมีประชาชน
ผู้สนใจสั่งซื้อชำระเงินแล้วกลับไม่ได้สินค้า มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนแล้ว ได้แจ้งความว่า ถูกนายพงพันธ์ฯ หลอกลวงขายหน้ากากอนามัยจากบัญชีเฟสบุ๊ค ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา ศาลอนุมัติหมายจับตามหมายจับเลขที่ 610/2563 ลงวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 สามารถติดตามจับกุม นายพงษ์พันธ์ อานามวงษ์ ได้บริเวณหน้า Belle Grand พระราม 9 ซอย พระราม 9 ซอย 3 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” ระวางโทษ “จำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000
บาท – 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560
มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสน
บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ
เสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่ง
ราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่ หรือส่งต่อ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากถึงพี่น้องประชาชน ที่ถูกหลอกลวงโดยผู้ใช้บัญชีเฟสบุ๊คดังกล่าว
หรือถูกหลอกลวงขายหน้ากากนามัยออนไลน์สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทาง
เทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1155 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง



