
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรท.ผบช.สตม. Iแถลงข่าวการกวดขันปราบปรามกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายและอาชญากรรมข้ามชาติ


วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2562 เวลา 10.00 น ณ ห้องแถลงข่าว บช.สตม.สวนพลู พล.ต.ท. สมพงษ์ ชิงดวง รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.ตม.1 , พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 , พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.6 , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม 3 และ พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 แล้วเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมกันแถลงข่าว ดังนี้
- พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.ตม.1.กล่าว่า สืบ ตม.1 ได้ดำเนินการจับกุมดังนี้
- จับหนุ่มอังกฤษหนีหมายจับยาเสพติด class A มากบดานในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้สืบทราบว่า MR.REECE BLAIN สัญชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นบุคคลที่ประเทศอังกฤษ ต้องการตัว ตามหมายจับคดียาเสพติด class A หลบเข้ามาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูล หมายจับคนต่างด้าวในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง (PIBICS) และประสานกับเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย เพื่อตรวจสอบและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน และได้จัดกำลังเฝ้าติดตามความ เคลื่อนไหว จนทราบแน่ชัดว่าคนต่างด้าวดังกล่าวจะเดินทางมาสถานทูตอังกฤษ เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงได้วางกำลังไว้ ที่บริเวณสถานทูต เมื่อพบตัวจึงทำการจับกุมและเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร การจับกุมครั้งนี้เป็นการ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง ตม.ไทย และสถานทูตอังกฤษ
- จับหนุ่มเกาหลีหนีหมายจับเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน มาทำงานในประเทศไทย เป็นกรณีที่ คนต่างด้าว MR.JAEHEE CHO สัญชาติเกาหลีใต้กระทำความผิดที่ประเทศเกาหลีใต้ แล้วเดินทางเข้ามาอยู่และ ทำงานในประเทศไทย โดยเดินทางเข้ามาในประเทศเมื่อวันที่ 09/04/2019 มีวีซ่าประเภท NON-B ได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 27/05/2019 และเมื่อวันที่ 23/5/2019 ได้มายื่นเรื่องขออยู่ต่อฯ ประเภทธุรกิจ ที่ กก.2 บก.ตม.1 ต่อมาได้รับการประสานจากสถานทูตเกาหลีใต้ ว่าคนต่างด้าวดังกล่าวเป็นบุคคลที่ทางการเกาหลีใต้ ต้องการตัว ตามหมายจับเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ตม.1 จึงได้ตรวจสอบข้อมูลและจัดกำลังไปติดตามควบคุมตัวมาได้ในที่สุด โดยได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และจะดำเนินการ ส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรต่อไป
- รวบ ดี เจ หนุ่มอิหร่าน คาผับดังย่าน RCA โอเวอร์สเตย์และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้รับการร้องเรียนว่ามีชาวต่างชาติมาทำงานเป็น ดี เจ เปิดเพลงในร้าน รูท 66 ย่านอาร์ซีเอ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้จัดกำลังแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวและเข้าตรวจสอบ ตามที่ได้รับการร้องเรียนดังกล่าว พบ นายแคชยา คาราชมี่ (MR.KASHAYAR KHARAZMI) สัญชาติอิหร่าน อายุ 26 ปี ทำงานเป็น ดี เจ เปิดเพลงในร้าน จากการตรวจสอบนายแคชยา มีการลงข้อความเชิญชวนในเฟสบุ๊คว่าตนจะมาเปิดเพลงที่ร้านรูท 66 ย่าน อาร์ซีเอ ช่วงกลางคืน นายแคชยาไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงานให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ และรับว่าตนเองเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งมาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง ขณะจับกุมมีนายสมุทร เพชรแอ แสดงตนเป็นผู้จัดการร้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการทางกฎหมาย กับเจ้าของร้านต่อไปอีกส่วนหนึ่งด้วย
4.จับสาวจีนนั่งดริ้งค์ร้านคาราโอเกะ จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ทราบว่าจะมีผู้หญิง ชาวจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วยวีซ่าประเภทท่องเที่ยวและเข้ามาลักลอบท างานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาพักอาศัยจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 ได้จัดกำลังไปเฝ้าสังเกต และหาข่าวบริเวณห้วยขวาง สุทธิสาร รัชดาภิเษก พบว่าจะมีผู้หญิงจีนจำนวนหนึ่งมักจะเดินทางออกจากที่พัก ในช่วงเวลากลางคืน โดยแต่งกายในลักษณะสวยงามสะดุดตาและกลับเข้าที่พักในช่วงดึกหรือเช้ามืด หลังจากหาข่าว จนแน่ใจก็ทราบว่าสาวจีนเหล่านั้นจะออกไปทำงานช่วงกลางคืนตามร้านคาราโอเกะและสถานบริการที่มีแขกชาวจีน มาใช้บริการ จนเมื่อคืนวันที่ 5 มิ.ย.2562 เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 ได้นำก าลังเข้าตรวจสอบร้าน GOLDEN CLUB ซอยรัชดาภิเษก 18 ห้วยขวาง พบสาวชาวจีน จำนวน 7 คน กำลังให้บริการนั่งดริ้งค์กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าทั้งหมดเป็น นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และจากการตรวจสอบเอกสารประจำตัวและจากระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง พบว่าสาวชาวจีนทุกคนเข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนใหญ่มีวีซ่าประเภท ท่องเที่ยว ทุกคนไม่มีใบอนุญาตทำงาน แต่มาทำงานให้บริการกับลูกค้าชาวจีนด้วยกัน โดยมี น.ส.หงส์ม่าน หวัง อายุ 51 ปี สัญชาติไทย เป็นเจ้าของและผู้ดูแล เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการจับกุมและนำส่ง พงส.บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

** พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า พบชาวต่างชาติมีพฤติการณ์เดินทางมายังประเทศไทย และใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นทางผ่าน เพื่อลักลอบเดินทางไปยังประเทศที่สาม โดยแสดงเอกสารยืนยันการตรวจลงตราปลอม หรือ eTA : Electronics Travel Authorization ในการเช็คอิน
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.62 เวลา 22.30 น. กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จับกุม นายอัลวา ฮัสสัน (Mr.Anwa Hussain) อายุ 40 ปี สัญชาติอินเดีย ขณะแสดงเอกสารตรวจลงตราประเทศแคนาดา หรือ eTA : Electronics Travel Authorization เพื่อเช็คอินเดินทางไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ สายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ PR733 ก่อนจะต่อไปยังเมืองโตรอนโต้ ประเทศแคนาดา เที่ยวบินที่ PR118
และเมื่อวันที่ 25 พ.ค.62 เวลา 14.00 น. จับกุม นายลูเซนี กาบา (Mr.Lounceny Kaba) อายุ 21 ปี สัญชาติกินี ขณะแสดงเอกสารตรวจลงตราประเทศแคนาดา หรือ eTA : Electronics Travel Authorization เพื่อเช็คอินเดินทางไปยัง สายการบินไชนาอีสเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MU9854-MU597 เส้นทางเมืองเซี่ยงไอ้ ประเทศจีน-เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ซึ่งในการเดินทางไปประเทศแคนาดาสำหรับสัญชาติที่ไม่ต้องขอวีซ่าจากสถานทูต จะต้องขอ eTA : Electronics Travel Authorization ผ่านทางเว็บไซด์ที่กำหนด หากไม่มีวีซ่าหรือการยืนยันการยืนสมัคร eTA สายการบินจะไม่สามารถ ออกบัตรที่นั่งเพื่อเดินทางไปยังประเทสแคนาดาได้ โดย กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ได้จับกุมชาวต่างด้าวทั้ง 2 ในข้อหา “ใช้ดวง ตรา รอยตรา หรือแผ่นปะตรวจลงตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ (E-VISA Canada ปลอม)”
*** พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม 3 และ พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น., พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.6, พ.ต.อ.โชคชัย คณะเจริญ ผกก.สน.จักรวรรดิ และ พ.ต.อ.ชาญฤทธิ์ ทรัพย์สมบัติ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีคนร้ายต่างชาติรายสำคัญ ดังนี้
ด้วยเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2562 เวลาประมาณ 01.15 น. เกิดเหตุชาวต่างชาติ ร่วมกัน ใช้สีสเปรย์ฉีดพ่นกำแพงบ้าน ประตูบ้าน รถยนต์ ตู้ชุมทางสายโทรศัพท์ ได้รับความเสียหาย จำนวนหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่อมาได้เป็นข่าวเผยแพร่ในสื่อโซเชียล ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของชาวต่างชาติกลุ่มดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ถือเป็นการกระทำที่ท้าทายกฎหมายและกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศเป็นอย่างมาก ต่อมา พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรท.ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม. 3 และเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.3 ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มชาวต่างชาติที่ก่อเหตุให้ได้โดยด่วนที่สุด และจากการสืบสวนเบื้องต้น ทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุนั้น เป็นชาวต่างชาติ จำนวน 3 คน ( ชาย 2 หญิง 1 ) ซึ่งจำนวน 2 ใน 3 คน คือ นายเทิร์นโบส (MR.TURNBEAUGH SHEA COTE) และ นางสาวกอลแลน (MS.GOLLAN NICHOLE FRANCES LOUISE) ทั้งคู่เป็นแฟนกัน ได้เดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2562 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว อนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 27 มิ.ย.2562 พักอาศัยอยู่บริเวณห้องเช่าชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ จึงได้วางสายเพื่อเฝ้าติดตามตัว
ต่อมาสืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้หลบหนีไปอยู่ที่พัทยา จว.ชลบุรี จึงได้บูรณาการกำลัง ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวน สน.จักรวรรดิ สน.พลับพลาไชย 2 และตำรวจท่องเที่ยว ติดตามไปพบตัว ที่โรงแรม Pump station house ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี และ เข้าทำการจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลในภาพที่ปรากฏในสื่อโซเชียล และก่อเหตุดังกล่าวจริง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จะได้สืบสวนขยายผลต่อไป
สตม. ได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย และดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นการดำเนินคดีแล้ว จะทำการส่งตัวกลับประเทศ และขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรต่อไป ซึ่งกรณีที่ปรากฏนั้น ได้เคยมีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว หรือพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมในหลายๆ ลักษณะของชาวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาพำนักอยู่ชั่วคราวหรือมาท่องเที่ยวในประเทศ ที่ผ่านมาได้รับบทลงโทษและโดนขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเช่นเดียวกัน
****พ.ต.อ.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี ผกก.2 บก.สส.สตม. เปิดเผยว่า การจับกุมคดีคนร้ายต่างชาติรายสำคัญ รวบมาม่าซังอุซเบกีสถานหนีหมายแดงค้ามนุษย์ตำรวจสากล
โดยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2562 จนท.สืบสวน กก.2 บก.สส.สตม.ได้จับกุมตัว นางซาโยร่า เมลิโคว่า (Mrs.SAYORA MELIKOVA) สัญชาติอุซเบกีสถาน อายุ 62 ปี โดย จนท.สืบสวน กก.2 บก.สส.สตม. ได้ร่วมกับ จนท.กงสุลอุซเบกีสถาน ประจำประเทศไทย ติดตามสืบสวนจับกุม นางซาโยร่า เมลิโคว่า ได้จากห้องพักแห่งหนึ่งย่าน ถ.พระรามเก้า แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. เนื่องจากตำรวจสากลอุเบซกีสถานได้ออกประกาศหมายแดง (Interpol Red notice) ต้องการตัว นางซาโยร่า เมลิโคว่า เพื่อกลับไปดำเนินคดีในประเทศอุซเบกีสถาน ในความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์, การเป็นธุระจัดหาซึ่งการค้า ประเวณีฯ, หน่วงเหนี่ยวกักขัง และองค์กรอาชญากรรม เหตุเกิดที่ เมือง KHOREZM ตอนใต้ของประเทศอุซเบกีสถาน เมื่อปี 2011 หรือ พ.ศ.2554 โดยเมื่อ พ.ศ.2557 ตำรวจสากลอุเบซกีสถานได้แจ้งหมายแดงมายัง ตำรวจสากลไทย และ สตม.ได้ บันทึกเป็นบุคคลมีหมายแดงตำรวจสากลไว้ในระบบแล้ว ทำให้ นางซาโยร่า เมลิโคว่า ซึ่งเดินทางเข้าออกประเทศไทยตั้งแต่ปี 2009 (2552) จนกระทั่งปี 2015 แล้วหลังจากนั้นได้หลบหนีการจับกุม ไม่พบการเดินทางออกประเทศไทยหรือขออยู่ต่ออีกเลย จนกระทั่งถูกจับกุม รวมอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตมากว่า 7 ปี นำตัวส่ง พงส.บก.สส.สตม.ดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ ขณะจับกุมในที่เกิดเหตุ พบหญิงชาวอุซเบกีสถานอีกจำนวน 3 คน พักอาศัยรวมอยู่ในห้องดังกล่าว ลักษณะเป็น หญิงลักลอบค้าประเวณีให้กับนักท่องเที่ยว จึงได้เชิญตัวมาสัมภาษณ์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดย พงส.บก.สส.สตม. รวมกับ จนท.พม.และ กงสุลอุซเบกีสถาน เบื้องต้นสรุปว่า ทั้ง 3 คนสมัครใจเข้ามาในประเทศไทยเพื่อลักลอบค้าประเวณีด้วยตัวเอง ไม่เข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จึงดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในประเทศทั้ง 3 คน ควบคุมตัวเพื่อประสานกับ สอท.อุซเบกีสถาน ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดของคนต่างด้าว หรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th ด้วย




