
นายกสื่อฯพานักธุรกิจ หนุ่มโดนปลอมลายเซ็นต์สูญเงิน8ล้านยืนหนังสือ ร้องเรียนให้สคบ.ตรวจ สอบพนักงานธ.กรุงไทย จงใจทำผิดระเบียบธนา คาร! เมื่อเวลา 11.00 น วันที่ 22 มกราคม 2562 นายคฑาภณ สนธิจิตรนายกสมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน(ประเทศไทย)รองเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ(ส.ท.ช.) ได้นำ นายเอกวิชช์ เกษเจริญ อายุ39 ปี อยู่บ้านเลขที่1319/44 หมู่10 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ เข้าร้องเรียนกับเลขาธิการ สคบ.ขอให้ตรวจ สอบพฤติกรรมของพนัก งานธนาคารกรุงไทย สาขาสวรรค์วิธี และ สาขาปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ ที่จงใจทำผิดระเบียบ วิธีปฎิบัติของธนาคาร เรื่องการเบิก-ถอนเงิน และไม่ได้รับความเป็น ธรรมกรณีถูกปลอมลาย เซ็นนำไปถอนเงินจาก บัญชีธนาคารกรุงไทยฯ จนต้องสูญเงินไปกว่า 8 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อประมาณปลายปี2551ทั้งๆ ที่ผู้เสียหายถูกปลอมลายเซ็นและไม่มีเอกสารใดๆ เกี่ยวกับผู้เสียหาย เลยแต่ทางพนักงานธนาคารกรุงไทย สาขา สวรรค์วิถี จ.นครสวรรค์ กลับดำเนินธุรกรรมทาง การเงินในบัญชีของตน แบบไม่ติดใจสงสัยแต่ อย่างใดผู้เสียหายได้เปิดเผยว่าตนเองเป็นตัวแทน เป็นเจ้าของกิจการร่วมค้า ห้างหุ้นส่วนจำกัดคงเพชรศักดิ์ คอนสตรัคชั่นกับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต.ทวีกิจ เสถียรก่อสร้าง เนื่องจากได้รับความ เดือดร้อนจากการจงใจ ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ในการเบิกถอนเงินออก จากบัญชีนิติบุคคลของผู้ เสียหายซึ่งได้เปิดบัญชี เงินฝากประเภทออมทรัพย์ไว้กับธนาคารกรุงไทย สาขา สวรรค์วิธีชื่อบัญชี กิจการร่วมค้าห้างหุ้นส่วนจำกัดคงเพชรศักดิ์คอนสตรักชั่นกับห้างหุ้นส่วน จำกัด ต.ทวีกิจเสถียร ก่อสร้าง บัญชีเลขที่ 633-0-11201-0 โดยมีเอกสารสัญญาข้อตกลงกิจการร่วมค้ามอบไว้เป็นหลักฐานกับธนาคารกรุงไทยฯ สาขาดังกล่าว โดยเหตุการณ์เริ่มจากผู้ เสียหายในฐานะตัวแทน กิจการร่วมค้าฯถูกปลอมลายมือชื่อในใบถอนเงิน ธนาคารกรุงไทยฯเพื่อ เบิกเงินไปจากบัญชีถึง 2 ครั้งเป็นเงิน8ล้านบาท เศษโดยมีการแจ้งความ ดำเนินคดีและผลการ ตรวจพิสูจน์ลายมือจาก กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็น ว่าไม่ใช่ลายเซ็นของบุคคลเดียวกันแต่ที่สำคัญ พฤติกรรมของพนักงาน ธนาคารที่บ่งชี้ว่าอาจมีส่วนรู้เห็นร่วมกันเป็นขบวน การในทุจริตจงใจกระทำผิดระเบียบวิธีปฎิบัติการ ถอนเงินและการเบิกถอนเงินต่างสาขากำหนดให้ เจ้าของบัญชีจะต้องไป ดำเนินการเองเท่านั้น และทางพนักงานธนาคารจงใจไม่ตรวจสอบสัญญาข้อตกลงร่วมค้าที่มอบ อำนาจให้ตัวแทนเป็นผู้ เบิกถอนเงินแต่เพียงผู้ เดียวโดยไม่ระบุให้อำ นาจใช้ ตัวแทนช่วงโดยเฉพาะ กรณีนี้เป็นบัญชีลูกค้านิติบุคคลหลักฐานหรือเงื่อนไขข้อตกลงการเบิกจ่าย จะมีอยู่ที่สาขาเจ้าของ บัญชีเท่านั้น แต่พนักงานธนาคารกลับจงใจฝ่าฝืน ระเบียบยินยอมให้รับมอบฉันทะไปเบิกถอนต่างสาขาได้เท่ากับว่ายินยอมให้เบิกถอนเงินจำนวนมาก โดยไม่มีการตรวจสอบ ที่ผ่านมาผู้เสียหายได้ พยามร้องเรียนปัญหาที่ เกิดขึ้นต่อธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่มาแล้ว หลายครั้ง แต่ปรากฎว่าเรื่องถูกส่งกลับมาให้ผู้เสียหายดำเนินการแก้ไขปัญหาเองจน ล่าสุดตนจึงได้ไปร้องเรียนที่ธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่จึงได้รับคำตอบจากธนาคารฯให้รอผล การตรวจสอบ210วันซึ่งผู้เสียหายถือว่านานไป เพราะหลักฐานต่างๆก็อยู่ที่ทางธนากรุงไทยมาแล้ว10ปีแสดงว่าทางธนาคารไม่สนใจตรวจสอบใน เรื่องนี้แต่อย่างใด ตามจรรยาบรรณการดำ เนินธุรกิจของธนาคารกรุงไทยฯได้กำหนดวิธีการ จัดการต่อข้อร้องเรียน ควรต้องเร่งดำเนินการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุของปัญหา หรือเลือกวิธีการที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาอย่าง เป็นธรรมกรณีการร้องเรียนพนักงานธนาคารกรุง ไทยฯทุจริตทางธนาคารกรุงไทยฯควรเร่งดำเนิน การตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหา แต่ธนาคารกรุงไทยฯ กลับปกป้องพวกพ้องที่ กระทำความผิดบ่ายเบี่ยงไม่ดำเนินการจนการดำ เนินธุรกิจขาดธรรมา ภิบาลส่งผลให้ความเสีย หายร้ายแรงมากยิ่งขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2562 ตนได้เดินทางไปที่ธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ เพื่อทวงถามความคืบหน้ากับเรื่องนี้แต่ทางผู้บริหารธนาคารสำนักงานใหญ่กับบ่ายเบี่ยงประเด็นข่าวโยนเรื่องไปที่ศาลทั้งๆที่ผู้เสียหายมาร้องเรียนในครั้งนี้ มาร้องเรียนพนักงานธนาคารที่ทำผิดกฎระเบียบในการถอน-โอนเงินและถูกปลอมลายเซ็น จึงนำเรื่องนี้มา ร้องเรียนกับทาง สคบ. ให้ช่วยตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวด้วย


ขอบคุณข้อมูลข่าว สมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน(ประเทศไทย)
เสริม ศักดิ์สม รายงาน