ข่าวเด่นนิวส์สยามออนไลน์##พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. แถลงข่าว ตม.นครพนม “กดดันผู้ต้องหามอบตัว คดีร่วมกันค้ามนุษย์” และ “ตม.นครพนม วางแผนรวบพ่อเล้า ลวงเด็กค้ากาม นาน 5 ปี

0
616

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. แถลงข่าว ตม.นครพนม “กดดันผู้ต้องหามอบตัว คดีร่วมกันค้ามนุษย์” และ “ตม.นครพนม วางแผนรวบพ่อเล้า ลวงเด็กค้ากาม นาน 5 ปี


วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2562 เวลา 13.30 น พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.นิธิศ ปิติธีรโชติ รอง ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ รอง ผบก.ฯ และ พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.4 ร่วมแถลงข่าว “ตม.นครพนม กดดันผู้ต้องหามอบตัว คดีร่วมกันค้ามนุษย์” ณ โรงแรมสุนีย์ แกรนด์โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ จ.อุบลราชธานี

คดีที่ 1 ตม.จว.นครพนม ได้รับการประสานจากฝ่ายปกครอง อ.ธาตุพนม จว.นครพนม ว่ามีเด็กชาวลาว 7 คนถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง ได้หลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทำการสัมภาษณ์คัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ หลังจากได้ข้อมูลการคัดแยกเหยื่อและการสืบสวนขยายผล ตามคำให้การของผู้เสียหาย จึงทราบว่าผู้กระทำความผิดประกอบด้วย นางแก้ว ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง สัญชาติลาว อายุประมาณ 60 ปี เป็นผู้นำพาผู้เสียหายทั้ง 7 ราย จากฝั่ง สปป.ลาว มาส่งให้กับชายไทยไม่ทราบชื่อ ที่บริเวณจุดผ่อนปรนทางการค้าชายแดน อ.ธาตุพนม จว.นครพนม ต่อมาชุดสืบสวน ตม.จว.นครพนม ได้ทำการสืบสวนในระบบ Biometrics รวมถึงพยานหลักฐานจากจุดที่พบเด็กครั้งแรก จากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมจนมีข้อมูลว่าชายไทยไม่ทราบชื่อดังกล่าวคือ นายอินทร์ธง อายุ 83 ปี สัญชาติไทย ได้ใช้รถยนต์กระบะรับเด็กมาจากจุดผ่อนปรน ทางการค้าชายแดน อ.ธาตุพนม จว.นครพนม และนำตัวกักขังไว้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จนกระทั่งต่อมาผู้เสียหายทั้ง 7 คน ได้หลบหนีและมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่และในระหว่างที่รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติอออกหมายจับ ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2562 นายอินทร์ธง ผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.หลักศิลา จ.นครพนม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ ตม.จว.นครพนม ได้ร่วมกับ จว.นครพนม จัดระเบียบควบคุมการเข้าออก ณ จุดผ่อนปรน ทางการค้าชายแดน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และจากทางการสืบสวนทราบว่ามีชายไทยซึ่งมีพฤติการณ์เป็นธุระจัดหาหญิงสาวทั้งเด็กและผู้ใหญ่เพื่อให้บริการทางเพศกับแขกภายในโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม ต่อมาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2562 จึงวางแผนจับกุม โดยวิธีการให้สายลับทำการติดต่อล่อซื้อกับชายคนดังกล่าว ซึ่งได้นัดแนะพบกันที่โรงแรมและให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแฝงตัวไปกับสายลับ หลังจากที่พบกับชายคนดังกล่าวแล้วได้พาสายลับไปเลือกซื้อบริการกับหญิงไทย-ลาว 4 ราย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบหญิงผู้ให้บริการทั้ง 4 ราย มี 3 ราย ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 27 ปี ขึ้นไป ไม่มีข้อมูลว่าจะเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จึงถูกดำเนินคดี ในข้อหาเข้าไปมั่วสุม ในสถานการค้าประเวณี  ส่วนอีก 1 ราย อายุ 20 ปี พบว่าถูกล่อลวงโดยชายไทยคนดังกล่าว ให้มาค้าประเวณีตั้งแต่อายุ 15 ปี ซึ่งเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จึงได้นำตัวมาสัมภาษณ์คัดแยกเหยื่อกับ สหวิชาชีพ ได้ลงความเห็นว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้จับกุมชายคนดังกล่าวตรวจสอบทราบชื่อคือ นายศักดิ์ชัยฯ อายุ 58 ปี โดยแจ้งข้อกล่าวหา“เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตามและค้ามนุษย์” และส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป                                        
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขันและจับกุมปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิติทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง


เสริม ศักดิ์สม ภาพ

ธวัชชัย เฟื่องอนันต์ ข่าว

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here