ข่าวเด่นนิวส์สยามออนไลน์##ดราม่ากรณีลูกค้าชาวเกาหลีหัวร้อนขว้างแก้วในร้านอาหาร และฟ้องลูกสาวเจ้าของร้าน เรื่องไม่จบง่ายน่าจะเป็นเรื่องยาว หลังศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลย

0
457

ดราม่ากรณีลูกค้าชาวเกาหลีหัวร้อนขว้างแก้วในร้านอาหาร และฟ้องลูกสาวเจ้าของร้าน เรื่องไม่จบง่ายน่าจะเป็นเรื่องยาว หลังศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลย

จากเรื่องดราม่า ลูกค้าชาวเกาหลีพร้อมเพื่อนเข้าไปกินอาหารในร้าน ฮูกิคูนิ ริมอ่างเก็บน้ำห้วยวังนอง อำเภอเมืองอุบลราชธานี​ จังหวัดอุบลราชธานี และทำแก้วแตกทางร้านได้เรียกเก็บค่าแก้วที่แตก 100 บาท ทำให้ชายชาวเกาหลีไม่พอใจ ขว้างแก้วลงพื้นอีก 2 ใบ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 และ นส.ปาณิสรา พันธ์ทอง ลูกสาวเจ้าของร้านได้นำคลิปไปโพสต์ในติ๊กต๊อกของตัวเอง สื่อมวลชนหลายสำนักได้นำไปเสนอข่าว และมีการแชร์กันจนโด่งดังในโลกโซเชี่ยล ซึ่งคิดว่าเรื่องจะเงียบปรากฏว่าชายชาวเกาหลี ได้ยื่นฟ้องต่อศาลในข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหาย 300,000 บาท และต่อมาเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ก็ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องทั้งในส่วนทางอาญาและส่วนทางแพง ซึ่ง นส.ปาณิสรา กล่าวว่าที่ตนเองนำเหตุการดังกล่าวไปโพสต์เพราะโกรธที่เขาทำกับร้านของแม่ ซึ่งไม่ได้คิดอะไรและไม่คิดว่าจะมีอะไรจนเวลาผ่านไปก็มีหมายศาลมาถูกฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหาย 300,000 บาท ซึ่งต่อมาศาลได้ยกฟ้องนั้น ซึ่งหลังจากนี้กำลังคิดจะใช้สิทธิ์ในการฟ้องกลับหรือไม่นั้น ตอนนี้กำลังปรึกษาทนาย
​​​ในส่วนความเสียหายของร้าน นายวุธภพ. พิมพ์ภาชัย ผู้จัดการร้าน ฮูกิคูนิ กล่าวว่าหลังจากที่ชาวเกาหลี ได้ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกับน้องเขาทางร้าน ก็ได้ยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายแล้วเช่นกัน โดยฟ้องเรียกค่าเสียหาย 300,000 บาทเช่นกัน โดยนัดสืบพยาน 24 พฤศจิกายน 2565 นี้
​​​ด้าน ดร.เอกรัฐ. ฐปนานนท์ ทนายความกล่าวว่าเรื่องทั้งหมดกระบวนการของศาล ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ซึ่งยังคงเป็นศาลชั้นต้น โจทย์ยังมีสิทธิ์ในการอุธรณ์ ภายใน 1เดือน ซึ่งยังไม่ทราบว่าชายชาวเกาหลี จะอุธรณ์หรือไม่ในส่วนคดีที่ถูกฟ้อง ในส่วนคดีอื่นกำลังปรึกษากันในข้อกฏหมาย และข้อเท็จจริงว่าส่วนใดที่ชายชาวเกาหลีนำมาฟ้อง ที่ไม่เป็นความจริงหากมีก็จะถามน้องผู้ถูกฟ้องเพราะสามารถใช้สิทธิ์ทางศาลในเรื่องการฟ้องเท็จได้ ซึ่งอยู่กับผู้ถูกฟ้องจะตัดสินใจ ซึ่งข้อเท็จจริงหากเรื่องที่เกิดขึ้นจบที่ตรงนี้ก็จบกันไป
​​​ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านอาหาร ของชายชาวเกาหลี ที่บริเวณติดกับลานจอดรถห้าง SK เพื่อสอบถามถึงการดำเนินการต่อไปด้านคดี ปรากฏว่าชายชาวเกาหลีไม่อยู่ที่ร้าน อยู่อีกร้านหนึ่งพนักงานที่ร้านจึงต่อสายโทรศัพท์ ให้ผู้สื่อข่าวได้คุยกับชายชาวเกาหลี ซึ่งมีผู้หญิงรับสาย เมื่อถามถึงชายชาวเกาหลีผู้หญิงที่รับสายบอกว่า ชายชาวเกาหลีไม่ถนัดพูดไทย ตัวเองพร้อมจะตอบคำถามเองโดยปฏิเสธที่จะเดินทางมาให้สัมภาษณ์ โดยปลายสายยืนยันว่าจะทำการอุธรณ์คดี ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง โดยอยู่ระหว่างให้ทนายดำเนินการ ซึ่งรอคัดสำเนาคำสั่งศาลน่าจะ 5-10 วัน พร้อมบอกว่าขอเป็นเรื่องของกฏหมาย และไม่อยากออกสื่ออีกแล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here