รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควง รมช.ลงพื้นที่รับฟังปัญหาน้ำท่วมอุบลฯย้ำนายกและรัฐบาลชุดนี้ ต้องการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2566 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมนายไชยา พรหมารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่บริเวณสถานีวัดแม่น้ำมูล M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรับฟังปัญหาน้ำท่วมจังหวัดอุบลฯโดยจะนำปัญหาและแนวทางกลับไปรายงานต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยมี นายสมเพชร สร้อยสระคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้กล่าวรายงาน และมี ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน นายจักริน ประเสริฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 7 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ พร้อมสรุปสถานการณ์น้ำและแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่ารัฐบาลชุดนี้โดยการนำของนายกเศรษฐา ทวีสิน ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน โดยนายกเน้นการแก้ไขปัญหาทุกปัญหา ให้แก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ โดยยกตัวอย่างน้ำท่วมอุบลฯทุกปีก็จะมีถุงยังชีพมาแจก แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ จึงทำให้ปัญหาไม่จบไม่สิ้นเกิดน้ำท่วมขึ้นซ้ำซากทุกๆปี สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเป็นจำนวน มหาศาล วันนี้ตนเองและ รัฐมนตรีช่วยพร้อมคณะจึงได้ลงมารับฟังปัญหาจากคนอุบลฯที่ถูกน้ำท่วมโดยตรง เท่าที่รับฟังปัญหาในวันนี้นั้น ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่จังหวัดอุบลฯคือน้ำชีกับน้ำมูลที่ไหลมารวมกันที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อที่จะระบายลงสู่แม่น้ำโขงนั้นระบายได้ช้า จังหวัดอุบลราชธานีจึงถูกน้ำท่วมทุกๆปี ดังนั้นตนเองและรัฐมนตรีช่วย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยก็จะนำปัญหาเข้ารายงานต่อนายกรัฐมนตรีในอาทิตย์หน้า จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ด้านสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี มีพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำมูล แม่น้ำชี และลำเซบก ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น 9 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.ดอนมดแดง อ. ตระการพืชผล อ. ม่วงสามสิบ อ.วารินชำราบ อ.เขื่องใน อ.เดชอุดม อ.ตาลสุม อ.เหล่าเสือโก๊ก ทั้งหมด 56 ตำบล 296 หมู่บ้าน 10,572 ครัวเรือนทางจังหวัดได้ประกาศ พื้นที่ประสบสาธารณภัยเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ(กรณีฉุกเฉิน)อุทกภัย 5 อำเภอกรมชลประทาน ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว บริเวณประตูระบายน้ำวัดเสนาวงศ์ ชุมชนท่าบ่งมั่ง อ.วารินชำราบ จำนวน 2 เครื่อง และบริเวณประตูระบายน้ำท่ากอไผ่ ชุมชนท่ากอไผ่ อ.วารินชำราบ จำนวน 2 เครื่อง รวมทั้ง ร่วมบูรณาการกับกองบิน21 มณฑลทหารบกที่22 และชาวบ้าน เสริมแนวกระสอบทรายจำนวน 4,000 ใบ นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 100 เครื่อง ไว้ที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำมูล อ.พิบูลมังสาหาร เพื่อเร่งการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วยิ่งขึ้น
