
ผู้ว่าอุบลฯเปิดโครงการ
คูโบต้า พลังใจสู้ภัยหนาว” ร่วมกับ“กองทัพบก” จัดคาราวานเสื้อกันหนาว เดินหน้ามอบไออุ่นในอำเภอโขงเจียมและอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี

วันที่ 25 ตุลาคม 2566 ที่อาคารหอประชุม โรงเรียนอนุบาลบ้านด่านโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
พันเอกปรัชญา หล้าวิเศษ หัวหน้ากองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 22 นางวราภรณ์ โอสถาพันธ์ุ กรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด นายชวลิต เตชะประเสร็ฐวิทยา ผู้บริหาร หจก.ศรีเมืองยนต์ 1991 ร่วมกันเปิดโครงการคูโบต้า พลังใจสู้ภัยหนาวร่วมกับกองทัพบก โดยนำเสื้อกันหนาว และอุปกรณ์กีฬามอบให้กับเด็กนักเรียนและประชาชนชาวอำเภอโขงเจียมที่ได้รับผลกระทบจากภัยหนาวโดยบริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เดินหน้าสานต่อโครงการ “คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 จัดขบวนคาราวานร่วมกับกองทัพบก ลงพื้นที่มอบเสื้อกันหนาว ให้แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยหนาว และขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมจับมือร้านค้าผู้แทนจำหน่ายคูโบต้ามอบอุปกรณ์กีฬาและสิ่งของจำเป็นให้กับชุมชนในพื้นที่ ตอกย้ำการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันในการมุ่งมั่นเคียงข้างสังคมและเกษตรกรไทย
นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “โครงการ KUBOTA พลังใจสู้ภัยหนาว เป็นกิจกรรมที่สยามคูโบต้า ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ห่างไกล และแสดงความห่วงใยในชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เด็กๆ เยาวชน รวมถึงพี่น้องเกษตรกรทุกคน โดยตลอดระยะเวลา 45 ปี เราตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งนี้ สยามคูโบต้าได้รับความร่วมมือจากกองทัพบกเป็นปีที่ 10 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดดูแลประชาชนในพื้นที่ห่างไกล จึงมีความเข้าใจและเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ในการกำหนดพื้นที่เป้าหมายร่วมกันสำหรับในปีนี้ สยามคูโบต้าได้นำคาราวานแห่งไออุ่นมอบเสื้อกันหนาวไปยัง 4 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดน่าน และจังหวัดแพร่ รวมทั้งสิ้นจำนวน 10,000 ตัว มูลค่ารวม 3,000,000 บาท โดยได้ลงพื้นที่มอบเสื้อกันหนาวจุดแรก ณ โรงเรียนอนุบาลบ้านด่านโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี และยังคงมุ่งหน้าดำเนินการทยอยลงพื้นที่ช่วยเหลือจังหวัดอื่นๆ ที่ประสบภัยหนาวต่อไป พร้อมกันนี้ยังได้รับความร่วมมือจากร้านค้าผู้แทนจำหน่ายคูโบต้ามอบอุปกรณ์กีฬา และสิ่งของจำเป็นเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่อีกด้วย ทั้งนี้ สยามคูโบต้าภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันความอบอุ่น และสร้างกำลังใจในทุกพื้นที่ที่เราได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือนางวราภรณ์กล่าว

ด้านนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า “ในนามพี่น้องชาวจังหวัดอุบลราชธานี ขอขอบคุณสยามคูโบต้า และกองทัพบก ที่ให้ความสำคัญและห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบจากภัยหนาว อีกทั้งได้ให้การสนับสนุนลงพื้นที่มอบเสื้อกันหนาวให้พี่น้องชาวอุบลราชธานี ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่อีกไม่น้อยที่ยังขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม ตลอดจนดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์ให้แก่ชุมชน สำหรับเสื้อกันหนาวที่ได้นำมามอบให้ในวันนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความอบอุ่น บรรเทาความหนาว ตลอดจนสร้างกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ”
ด้าน พันเอก ปรัชญา หล้าวิเศษ หัวหน้ากองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 22 กล่าวว่า “กองทัพบกเป็นหน่วยงานที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ พร้อมเข้าให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชนในทุกกรณีที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งสยามคูโบต้า เป็นภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนกองทัพบกมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ปี ทั้งนี้ จากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ดังนั้นการรับมอบเสื้อกันหนาวในครั้งนี้ จึงนับว่าเป็นการร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น ระหว่างกองทัพบก และสยามคูโบต้าในการสนับสนุนแก้ไขปัญหาภัยหนาวให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ กิจกรรมที่จะร่วมกันจัดขึ้นในพื้นที่จะทำให้ประชาชนได้มีรอยยิ้ม มีความสุข รวมทั้งได้รับความอบอุ่นจากเสื้อกันหนาวที่มอบสู่ประชาชนในโอกาสเดียวกัน จากวันแรกของการริเริ่มโครงการจวบจนปีที่ 24 วันนี้สยามคูโบต้าได้บรรเทาความหนาวให้พี่น้องประชาชนไปแล้วกว่า 170,000 ราย ด้วยความมุ่งหวังสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ภายใต้นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ของสหประชาชาติ พร้อมมุ่งมั่นตอบแทนสังคมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกร และร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดียิ่งขึ้น




